ปลูกป่า เพื่อเยียวยาหัวใจ
ในแวดวงโฆษณา ถ้าเอ่ยถึง คุณจูดี้ (จุรีพร ไทยดำรงค์) น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก สามสิบปีในวงการกับชื่อเสียงและความสำเร็จระดับโลกที่แลกมาด้วยการทำงานหนัก กายและใจก็เริ่มสะท้อนถึงความเหนื่อยล้าที่สะสมมาเนิ่นนาน
“เราเป็นครีเอทีฟ ก็ต้องคิดงานตลอดเวลา เอางานกลับไปทำที่บ้าน หลับไปพร้อมกับคิดงาน นอนไม่เคยได้เกินวันละ 4 ชั่วโมง แล้วก็พอมาถึงจุดนึง ร่างกายเรามันไม่ไหว มันเริ่มรวน ด้วยการนอนไม่หลับ ตาค้างค่ะ อ่อนเพลียมาก ๆ เราก็เลยเริ่มรู้สึกว่า ไม่ได้แล้ว ถ้าเรายังฝืนใช้ชีวิตแบบเดิมต่อไป คือ เราต้องทำอะไรสักอย่างกับตัวเราเอง…”
คุณจูดี้จึงเริ่มคิดถึงแผนการเกษียณ เริ่มจากการซื้อสวนส้มที่เชียงใหม่ และ ขยับขยายจนได้พื้นที่กว่า 300 ไร่ ที่ อ.แม่วาง ในช่วงเวลาที่ภาระการงานกำลังดูดพลังชีวิตของเธอไปจนเกือบหมด คุณแม่ของเธอก็ล้มป่วยหนัก การปลูกป่า..จึงเป็นเสมือนภารกิจที่ช่วยเยียวยาหัวใจ “ช่วงที่แม่ป่วย ชีวิตไปๆมาๆ ระหว่างไอซียู และที่บ้าน แล้วตอนนั้นเราก็เริ่มปลูกป่า ตอนปลูกต้นไม้..ในใจเรานึกถึงแม่ ..ต้นไม้ที่ปลูกทุกต้นขอถวายบุญนี้ให้แม่ ขอให้ต้นไม้เติบโต แล้วถ้ามันเป็นประโยชน์กับโลกใบนี้ ก็ขอยกประโยชน์ทั้งหมดให้แม่” เธอย้อนรำลึกถึงช่วงเวลานั้น ด้วยน้ำเสียงที่ยังเจือความอาลัยถึงผู้ที่เป็นที่รัก
หลังจากเริ่มหันหลังให้ชีวิตคนเมือง และทดลองมาใช้ชีวิตที่บ้านสวนหลังเล็กๆ ในช่วงโควิด คุณจูดี้จึงตัดสินใจมาลงหลักปักฐานที่นี่อย่างจริงจัง พร้อมกับแมวจรรวม 80 ตัวที่ย้ายตามมาจากกรุงเทพ การใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติ ทำให้ร่างกายเธอได้ฟื้นตัว นอนหลับได้เต็มอิ่มอีกครั้ง และ ที่มากไปกว่านั้น ธรรมชาติยังได้หล่อหลอมความคิดของเธออย่างไม่รู้ตัว
“มันมีหลายสิ่งหลายอย่าง..ที่เราได้จากต้นไม้ การได้อยู่ใกล้ ๆ ต้นไม้ เป็น unconditional giving (การให้ที่ไม่มีเงื่อนไข) ต้นไม้..ธรรมชาติคือให้เราตลอดเวลาเลย ต้นไหนที่เราปลูกแล้วเขารอด เติบโตแข็งแรงเราก็จะรู้สึกดีใจมาก แล้วเราก็รู้นะว่าเขาสื่อสารกับเราอยู่ลึกๆ แต่มันก็มีบางต้นที่เราปลูก 7-8 ปี จะรอดไม่รอด ฉันจะช่วยเธอยังไงดี คือ กลายเป็นคนบ้าที่พูดกับต้นไม้” เธอเล่าพร้อมเสียงหัวเราะ
“เราอยู่กับธรรมชาติทำให้เรารู้สึกสบายใจ สบายตัว รู้สึก..พอแล้วค่ะ แค่นี้ก็แฮปปี้แล้ว แล้วยิ่งเราได้เห็นว่าไม้ป่า..พอมันโตถึงระดับนึงแล้วมันช่วยเรายังไง อย่างปีที่ผ่านมา ต้นปีทุกปีมันจะต้องมีควันและฝุ่นพีเอ็มลอยมา จากภูเขาที่สูงกว่า ที่ที่เขาเผานะคะ..พอป่ามันโตขึ้นมาสัก 7-8 ปี พอควันพวกนี้มา ป่าจะสร้างละอองฝนเพื่อช่วยตัวเขา แล้วก็ช่วยพวกเราไปด้วย”
จากการที่เธอได้ชักชวนเพื่อนๆ และ ชุมชน ระดมปลูกต้นไม้ร่วมสามหมื่นต้นที่แม่วาง ตลอด 9 ปีที่ผ่านมา เราถามถึงต้นไม้ที่คุณจูดี้ชอบเป็นพิเศษ “จริง ๆ ชอบหลายต้น เพราะว่าปลูกหลายอย่าง ถิ่นที่เราอยู่คือถิ่นของกระพี้ ตำบลทุ่งปี๊มาจาก..กระพี้ ชอบที่ว่ามันขึ้นง่าย แล้วใช้งานได้เร็ว คือมันเป็นต้นไม้ที่ช่วยกรองอากาศได้ เพราะว่าใบเขียวเยอะอยู่ตลอด ต้นสักก็ชอบค่ะ ถ้าเราไม่ไปตัด เขาจะเป็นต้นไม้ที่ใหญ่และฟอร์มสวยมาก ไม้ป่าทุกอย่างมีข้อดีข้อเด่นหมดเลย”
คุณจูดี้ยังได้ฝากถึงคนที่อยากปลูกต้นไม้ หรือปลูกป่า แต่ยังลังเลไม่ได้ลงมือทำ
“จริงๆ เราก็ไม่เคยปลูกต้นไม้อะไรมาก่อนหรอกในชีวิต ปลูกอะไรก็ไม่ขึ้นด้วย แต่บ้านเรามันมีความเป็นป่าอยู่แล้ว ทั้งประเทศมันเป็นป่า ป่าเบญจพรรณสูง ป่าเบญจพรรณต่ำ ป่าแสม ป่าโกงกาง เพราะฉะนั้น..ป่ากลับมาได้ง่าย เราเชื่อว่าการปลูกป่าทำได้เลย เลือกต้นที่โตได้ง่ายๆ ในพื้นที่ของเรา ก็จะรอด สามปีค่ะที่ต้องดูแล ก็แค่ถ้าหญ้าขึ้น ก็ต้องถาง สางโคน อย่าให้หญ้ามาแย่งอาหาร จริงๆ ไม้ป่า ถ้าเริ่มโตสักเมตรกว่าๆ เขาก็รอดแล้วค่ะ
เน้นปลูกง่าย เลี้ยงง่าย ได้ประโยชน์ค่ะ
#คนรักต้นไม้
